วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ลูกสำรอง

ต้นสำรองเป็นพืชท้องถิ่นดั้งเดิมของภาคตะวันออก พบมากในเขตจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด ลูกสำรองถือเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง ถูกนำมาใช้เป็นอาหารตั้งแต่สมัยโบราณ อยู่คู่คนไทยมาช้านานแต่พึ่งเป็นที่รู้จักกันไม่นานมานี้เอง
"น้ำสำรอง" เครื่องดื่มสมุนไพรที่ชูสรรพคุณเรื่องของการกำจัดไขมันออกจากร่างกาย แบบวิธีธรรมชาติ หลายคนกำลังให้ความสนใจของ “ลูกสำรอง” “ลูกจอง” ภาคอีสานเรียก “หมากจอง” ทางใต้เรียก “พุงทะลาย” เป็นไม้ที่พบได้ในป่าดงดิบที่ จ.จันทบุรี ตราด ชาวจีนรู้จักในสรรพคุณแก้ ร้อนใน ท้องเดิน ลดอาการปวด บำรุงไต ล้างไขมันในลำไส้ เคลือบไขมันในลำไส้ ลดความอ้วน ช่วยดูดซับไขมันเอาไว้ แล้วอุ้มไปทิ้งพร้อมการขับถ่าย ดังนั้นคนภาคใต้จึงเรียกว่าพุงทะลายกินเป็นประจำจะช่วยลดพุงได้
มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Scaphium Macropodum Beaum. วงศ์ : Sterculiaceae
ชื่อสามัญ : สำรอง ชื่อพื้นเมือง พุงทลาย ภาคอีสานเรียก บักจอง ชาวจีนเรียก ฮวงไต้ไฮ้
ต้นสำรอง เป็นไม้ยืนต้นชอบขึ้นตามป่าดงดิบ มีความชื้นสูง ลำต้นตรงและสูงชะลูด ประมาณ 4-5 เมตร ไม่นิยมปลูกกัน มักขึ้นเองตามธรรมชาติ ตามภูเขาใหญ่น้อยทั่วไป พบมากทางภาคตะวันออกของประเทศ ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี และตราด
ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่แกมขอบขนานหรือรูปไข่แกมใบหอก กว้าง 10-12 ซม. ยาว 15-25 ซม.
ดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่ง แยกเพศ กลีบดอกสีเขียวอ่อน มีขนสีแดงที่กลีบเลี้ยงดอก ออกช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม
ผลแห้ง มีลักษณะเป็นแผ่นขนาดใหญ่ แตกขณะยังอ่อนอยู่ ทำให้มีลักษณะเหมือนเรือ เรียกว่า สำเภา ทำให้ผลปลิวไปตกได้ไกล มีเมล็ดรูปรี สีน้ำตาล เปลือกหุ้มเมล็ดชั้นนอกมีสารเมือกจำนวนมาก ซึ่งจะพองตัวในน้ำ มีลักษณะคล้ายวุ้น ผลแก่จะเริ่มร่วงประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน ผลของต้นสำรองใช้เป็นสมุนไพรที่เข้าตำรับยาไทย สรรพคุณเป็นยาแก้ร้อนในกระหายน้ำ ทำให้รู้สึกชุ่มชื่น แก้เจ็บคอ แก้ไอ ขับเสมหะ
จุดเด่นของต้นสำรองอยู่ที่ผลซึ่งมีรูปร่างรี เมื่อแก่แล้วผิวจะเหี่ยวย่นกลายเป็นสีน้ำตาลแก่ พอร่วงจากต้นก็จะมีปีกบางๆยื่นออกมา ซึ่งส่วนปีกนั้นเรียกว่า “สำเภา” ทำให้เจ้าลูกสำรองนี้ มีลักษณะละม้ายคล้ายเรือสำเภาที่อาศัยกระแสลมให้พัดพาล่องลอยไปในอากาศ หากนึกไม่ออกลองนึกถึงลูกของต้นยางนา ที่มีปีกคล้ายกับคอปเตอร์ไม้ไผ่ของเจ้าแมวโดราเอมอน
ซึ่งจุดประสงค์หลักของธรรมชาติก็เพื่อเพิ่มระยะทางและโอกาสในการขยายพันธุ์บนพื้นที่ต่างๆ นั่นเอง นอกจากนี้คนโบราณยังบอกกับเราว่า การร่วงหล่นของลูกสำรองนี้สามารถสื่อความหมายของธรรมชาติได้ว่า ฤดูฝนกำลังจะคืบคลานเข้ามาทักทาย ซึ่งโดยปกติเราจะพบลูกสำรองร่วงลงสู่พื้นดินแค่เพียงปีละครั้ง ย้ำว่าแค่เพียงปีละครั้งเท่านั้น ประมาณเดือนเมษายน และไม่ได้พบทุกปี ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของต้นสำรองนั้น ๆ ตามธรรมชาติต้นสำรองจะมีลูกไว้ขยายพันธุ์ ก็ต่อเมื่อมีอายุอานาม 10 ปีขึ้นไป
สรรพคุณ ลูกสำรองมีสรรพคุณ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ บำรุงปอดให้แข็งแรง รักษาโรคภูมิแพ้ หอบหืด แก้เสมหะทำให้ไม่อ่อนเพลีย ช่วยบำรุงลำไส้ใหญ่ให้บริหารถ่ายเทได้ดี ช่วยให้ลำไส้บีบรัดตัวดีขึ้น ทำให้ขับถ่ายดี แก้โรคตาแดงอักเสบ ในประเทศอินเดียมีรายงานว่า สำรองสามารถใช้รักษาอาการอักเสบ แก้ไข้และขับเสมหะ ในประเทศจีน ฮ่องกง และไต้หวัน นิยมใช้สำรองร่วมกับชะเอม ชาวจีนต้มกับน้ำ แล้วนำมาจิบบ่อย ๆ เพื่อแก้อาการเจ็บคอ ปัจจุบันมีผู้นำสำรองไปรับประทานเพื่อลดความอ้วนเนื่องจากสำรองสามารถพองตัวได้ดี นอกจากนี้การศึกษาทางการแพทย์ยังทำให้ทราบว่าในลูกสำรอง ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย
เมื่อมีประโยชน์มากมายขนาดนี้ทำให้ช่วงหนึ่งต้นสำรองเข้าขั้นวิกฤติ เพราะมีคนโลภมากแอบลักลอบเข้ามาเก็บลูกสำรองในเขตอุทยาน แต่การปลิวของเจ้าลูกสำรองทำให้ไปตกกระจัดกระจายในที่ต่าง ๆ ใกล้บ้าง ไกลบ้าง ทำเอาคนโลภมากรู้สึกหงุดหงิด ขี้เกียจตามเก็บ ความคิดสั้น ๆ และไม่ถูกต้องจึงผุดขึ้นในจิตใจ ทำนองว่ามันไม่ทันใจ ก็เลย “โค่น” ทั้งต้น ซึ่งต้นดังกล่าวล้วนผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบ ๆ ปี เพียงเพื่อที่จะเอาลูก โดยไม่คิดถึงผลเสียที่จะติดตามมา ทำให้เมื่อ 4-5 ปีที่แล้วต้นสำรองหายหน้าหายตาไปอย่างรวดเร็ว
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำเอาเจ้าหน้าที่ นิ่งดูดายไม่ได้ ต้องคอยตรวจตราคุ้มกัน เจ้าต้นสำรองเป็นพิเศษ ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญ โดยใช้เด็กๆ ละแวกนั้นเป็นตัวกลาง ไปถ่ายทอดให้ผู้ใหญ่ได้ฟังและได้เล็งเห็นความสำคัญกับความจำเป็นในการดูแลรักษาต้นสำรองไว้เพื่อประโยชน์คุณค่ามหาศาลของมันต่อไป ผู้ใหญ่เหล่านี้ก็คือ พ่อแม่ พี่ ป้า น้า อาของพวกเด็กๆนั่นเอง
น่าดีใจที่ปัจจุบัน สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตจันทบุรี สามารถคิดค้นและเริ่มขยายพันธุ์ต้นสำรองได้แล้ว โดยใช้วิธีเสียบยอด เพื่อให้ชาวบ้านที่ต้องการทำน้ำสำรองบรรจุกระป๋องเพื่อสุขภาพขาย นำไปปลูก เป็นการตัดปัญหาการลักลอบเก็บลูกสำรอง และโค่นต้นสำรองในเขตอุทยาน ซึ่งทำให้ความหวังที่ยังจะเห็นต้นสำรองในธรรมชาติยังคงยืดเวลาออกไป

วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ประเภทของจอภาพ












ประเภทของจอภาพ
จอภาพแบบ CRT (Cathode Ray Tube)


เป็นจอภาพที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ มีหลักการทำงานแบบเดียวกับจอโทรทัศน์ ทำงานโดยใช้กระแสไฟฟ้าแรงสูง (high voltage) คอยกระตุ้นให้อิเล็กตรอนภายในหลอดภาพแตกตัวอิเล็กตรอนดังกล่าวจะทำให้เกิดลำแสงอิเล็กตรอนไปกระตุ้นผลึกฟอสฟอรัสที่ฉาบอยู่บนหลอดภาพ เมื่อฟอสฟอรัสถูกกระตุ้นจากอิเล็กตรอนจะเกิดการเรืองแสงและปรากฏเป็นจุดสีต่างๆ (RGB Color) ซึ่งรวมเป็นภาพบนจอภาพนั่นเอง

จอภาพแบบแบน LCD (Liquid Crystal Display) จอภาพผลึกเหลวใช้งานกับคอมพิวเตอร์ประเภทพกพาเป็นส่วนใหญ่ มีสองประเภท ได้แก่

Active matrixจอภาพสีสดใสมองเห็นจากหลายมุม เนื่องจากให้ความสว่าง และสีสันในอัตราที่สูง มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า TFT – Thin Film Transistor และเนื่องจากคุณสมบัติดังกล่าว ทำให้ราคาของจอประเภทนี้สูงด้วย Passive matrixจอภาพสีค่อนข้างแห้ง เนื่องจากมีความสว่างน้อย และสีสันไม่มากนัก ทำให้ไม่สามารถมองจากมุมมองอื่นได้ นอกจากมองจากมุมตรง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า DSTN (Double Super Twisted Nematic)จอ LCD เป็นเทคโนโลยีที่เริ่มพัฒนาประมาณสิบกว่าปีนี้เอง เริ่มจากการพัฒนามาใช้กับนาฬิกาและเครื่องคิดเลข เป็นจอแสดงผลตัวเลขขนาดเล็ก ใช้หลักการปรับเปลี่ยนโมเลกุลของผลึกเหลว เพื่อปิดกั้นแสงเมื่อมีสนามไฟฟ้าเหนี่ยวนำ LCD จึงใช้กำลังไฟฟ้าต่ำ มีการสร้างทรานซิสเตอร์เป็นล้านตัวเพื่อควบคุมจุดสีบนแผ่นฟิล์มบาง ๆ ให้จุดสีเป็นตารางสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ การแสดงผลจึงเป็นการแสดงจุดสีเล็ก ๆ ที่ผสมกันเป็นสีต่าง ๆ ได้มากมาย การวางตัวของจุดสีดำเล็ก ๆ เรียกว่าแมทริกซ์ (matrix) จอภาพ LCD จึงเป็นจอแสดงผลแบบตารางสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่มีจุดสีจำนวนมาก


จอภาพระบบสัมผัส (Touch-Screen)


เป็นจอภาพที่มีประสาทสัมผัส เป็นอุปกรณ์ที่นำข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์โดยการสัมผัส เป็นจอภาพแบบพิเศษ สามารถรับรู้ทันทีเมื่อมีการสัมผัสกับจอภาพ ใช้งานได้ง่ายสำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์เลย ผู้ใช้เพียงแตะปลายนิ้วลง
บนจอภาพในตำแหน่งที่ต้องการ เพื่อเลือกการทำงาน ซอฟต์แวร์ที่ใช้จะเป็นตัวค้นหาว่าผู้ใช้เลือกทางเลือกใด และทำให้ตามนั้น หลักการนี้นิยมใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยให้ผู้ที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่คล่องนักสามารถเลือกข้อมูลที่ต้องการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว จะพบการใช้งานมากในร้านอาหารแบบเร่งด่วน หรือใช้แสดงข้อมูลการท่องเที่ยว เป็นต้น

สิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับจอภาพ
Dot Pitchคือความห่างระหว่างจุดของฟอสฟอรัสซึ่งฉาบอยู่บนหลอดภาพ ถ้าจุดแต่ละจุดห่างกันน้อยจะทำให้ภาพละเอียดมาก ขนาดระหว่างจุดของฟอสฟอรัสมีหน่วยเป็นมิลลิเมตร และมีหลายขนาด เช่น 0.25, 0.26, 0.28 เป็นต้น ตัวเลขดังกล่าวนี้ยิ่งน้อยยิ่งดี เพราะแสดงว่าความห่างระหว่างผลึกฟอสฟอรัสยิ่งน้อยจะยิ่งแสดงภาพได้ละเอียดมากขึ้น
Interlaced & Non-interlaced
Interlaced
คือการแสดงภาพแบบสลับเส้น ตัวอย่างเช่นในโทรทัศน์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันจะใช้การแสดงภาพแบบ 625 เส้น และสลับกันสแกน ภาพจากหน้าจอที่เห็นจะเกิดจากการสแกนให้เกิดภาพ 2 รอบ โดยที่รอบแรกจะสแกนเส้นคู่ คือ 2,4, 6... จนครบ 624 รอบที่สองจะสแกน เส้นคี่คือ 1,3,5... .จนครบ 625 จอภาพคอมพิวเตอร์ในระยะแรกจะเป็นแบบ interlaced
Non-interlaced
คือการสแกนภาพแบบต่อเนื่อง เรียงจากเส้นที่ 1 จนจบจอภาพ ในปัจจุบันจอภาพคอมพิวเตอร์จะเป็นแบบnon-interlaced ซึ่งทำให้การต่อของจุดจะต่อเนื่องและลดการสั่นไหวของภาพทำให้ดูสบายตากว่า

Low-radiationคือจอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำ ตามมาตรฐาน MPR-II ของ SSI (Swedish National Institute of Radiation Protection) ซึ่งจะช่วยถนอมสายตาจากการทำงานบนคอมพิวเตอร์นาน ๆ การทดสอบว่าจอภาพมีการกระจายรังสีต่ำหรือไม่นั้นทดสอบได้โดยเปิดสวิตช์จอภาพแล้วลองเอามือหรือช่วงแขนไว้ใกล้จอภาพให้มากที่สุด ถ้ารู้สึกถึงไฟฟ้าสถิตย์ แสดงว่าเป็นจอภาพแบบธรรมดาไม่ใช่แบบ low-radiation
Resolution คือความละเอียดของการแสดงภาพหรือการสแกนภาพออกมาได้ความละเอียดมากเท่าไร ความสามารถในการแสดงภาพได้ละเอียดมากขนาดไหนนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของจอภาพ จอ VGA จะแสดงภาพได้ละเอียดน้อยกว่าจอ SVGA ยิ่งกำหนดความละเอียดในการแสดงสีมากเท่าไร ภาพจะละเอียดมากขึ้น แต่ตัวอักษรบนจอภาพจะเล็กลง โดยจะบอกเป็นค่าสองค่า อย่างเช่น 1024 x 768 ซึ่งเมื่อคำนวณออกมาแล้วก็ คือจำนวนจุดที่จอภาพสามารถผลิตออกมาได้ ในกรณีนี้ เลขตัวแรกคือ Vertical คือจำนวนเส้นในแนวตั้งเท่ากับ 1024 เส้น เลขตัวต่อมาคือ Horizontal คือจำนวนเส้นในแนวนอนเท่ากับ 768 เส้น เมื่อเอาตัวเลข 2 ตัว มาคูณกัน ผลลัพธ์คือจำนวนจุดบนจอภาพซึ่งคือ ความละเอียด (resolution) ดังภาพ


จอภาพขนาด 14-15 นิ้ว ควรกำหนด resolution ที่ 800 x 600ผู้ใช้สามารถที่จะกำหนดความละเอียดของการแสดงภาพได้โดยคลิกขวาที่ Desk Top เลือก Properties > Settings
ความละเอียดของสีที่สามารถแสดงบนจอภาพจำนวนสีที่แสดงได้นั้นเป็นตัวกำหนดว่าภาพบนจอจะมีสีสรรสมจริงเพียงใดจะมีการแสดงดังนี้
VGA คือ 256 สี SVGA คือ 16.7 ล้านสี XGA คือ 16.7 ล้านสี UXGA คือ 16.7 ล้านสี

เคล็ดลับการใช้จอภาพคอมพิวเตอร์เพื่อการประหยัดพลังงานไฟฟ้า
1. ไม่เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้นานๆ เพราะทำให้สิ้นเปลืองค่าไฟฟ้า
2. ถอดปลั๊กเมื่อเลิกใช้งาน
3. ปิดจอภาพเมื่อไม่ใช้งานนานกว่า 15 นาที
4. ตั้งคอมพิวเตอร์ในบริเวณที่มีการระบายความร้อนได้ดี
5. ควรตั้งระบบ Screen Saver เพื่อรักษาคุณภาพของหน้าจอตรวจสอบดูว่าระบบประหยัดพลังงานไฟฟ้าในเครื่องถูกสั่งให้ทำงานแล้วหรือไม่
6. เลือกใช้คอมพิวเตอร์ที่มีระบบประหยัดพลังงาน โดยสังเกตจากสัญลักษณ์ Energy Star เพราะระบบนี้จะใช้กำลังไฟลดลงร้อยละ 55 ในขณะที่รอทำงาน
7. ควรซื้อจอภาพที่ขนาดไม่ใหญ่เกินไป เช่น จอภาพขนาด 14 นิ้ว จะใช้พลังงานน้อยกว่าจอภาพขนาด 17 นิ้ว ถึงร้อยละ 25
8. คอมพิวเตอร์ชนิดกระเป๋าหิ้วประหยัดพื้นที่ และประหยัดไฟฟ้าได้มากกว่าแบบตั้งโต๊ะ

ตัวเลขน่าคิดเพื่อการประหยัดพลังงาน
ถ้าเปิดชุดคอมพิวเตอร์จอภาพ 15 นิ้ว ทิ้งไว้วันละ 3 ชั่วโมง จะใช้ไฟ 8.4 หน่วยต่อเดือน ค่าไฟเดือนละประมาณ 21 บาท ถ้าเปิดทิ้งไว้เช่นนี้ 1 ล้านเครื่อง จะสิ้นเปลืองค่าไฟเดือนละ 21 ล้านบาท หรือ 252 ล้านบาทต่อปี คอมพิวเตอร์ขนาดจอ 17 นิ้ว 120 วัตต์ ใช้งาน 20 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์จะใช้ไฟ 9.6 หน่วยต่อเดือน ค่าไฟประมาณเดือนละ 24 บาท

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

องค์ประกอบของระบบสำนักงานอัตโนมัติ







องค์ประกอบของสำนักงานอัตโนมัติแบ่งเป็น 5 ประเด็น
1. บุคลากร
อาจแบ่งได้หลายกลุ่ม เช่น ผู้บริหาร นักวิชาชีพ นักเทคนิค เลขานุการ เสมียน และพนักงาน อื่นๆ
2. กระบวนการปฏิบัติงาน
2.1 การรับเอกสารและข้อมูล
2.2 การบันทึกเอกสารและข้อมูล
2.3 การสื่อสารเอกสารและข้อมูล
2.4 การจัดเตรียมข้อมูลข่าวสารต่างๆ
2.5 การกระจายข่าวสาร
2.6 การขยายรูปแบบเอกสาร
2.7 การค้นคืนและการจัดเก็บเอกสารข้อมูล
2.8 การกำจัดและการทำลายเอกสาร
2.9 การดูแลความมั่นคงปลอดภัย
3. เอกสาร ข้อมูล สารสนเทศระบบสารสนเทศสร้างขึ้นมาเพื่อจุดมุ่งหมายหลายประการจุดมุ่งหมายพื้นฐานประการหนึ่ง คือ การประมวลข้อมูล (Data) ให้เป็นสารสนเทศ (Information) และนำไปสู่ความรู้ (Knowledge) ที่ช่วยแก้ปัญหาในการดำเนินงาน
4. เทคโนโลยีเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ ประมวลผล และเผยแพร่สารสนเทศ ซึ่งรวมแล้วก็คือเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม หรือ Computer and Communications ที่นิยมเรียกย่อ ๆ ว่า C&C
5. การบริหารจัดการเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ ประมวลผล และเผยแพร่สารสนเทศ ซึ่งรวมแล้วก็คือเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโน"กระบวนการในการวางแผน ดำเนินการ และควบคุมประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการเคลื่อนย้าย การจัดเก็บสินค้า บริการ และสารสนเทศจากจุดเริ่มต้นไปยังจุดที่มีการใช้งาน โดยมีเป้าหมายที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค

องค์ประกอบของระบบที่เกี่ยวข้อง
" ฮาร์ดแวร์ " (Hardware) คือลักษณะทางกายของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายถึงตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์รอบข้าง (peripheral) ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฮาร์ดดิสก์ เครื่องพิมพ์ เป็นต้น " ฮาร์ดแวร์ "ประกอบด้วย
-หน่วยรับข้อมูล ( input unit )
-หน่วยประมวลผลกลาง ( central processor unit ) หรือ CPU
หน่วยความจำหลัก
-หน่วยแสดงผลลัพธ์ (output unit )
-หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (secondary storage unit )
หน่วยรับข้อมูล
จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับข้อมูลต่าง ๆ เข้าสู่คอมพิวเตอร์ จากนั้น หน่วยประมวลผลกลาง จะนำไปประมวลผล และแสดงผลลัพธ์ที่ได้ออกมากให้ผู้ใช้รับทราบทาง หน่วยแสดงผลลัพธ์ หน่วยความจำหลัก จะทำหน้าที่เสมือนเก็บข้อมูลชั่วคราวที่มีขนาดไม่สูงมากนัก การที่ฮาร์ดแวร์จะทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพนั้น ขึ้นอยู่กับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ ส่วนการทำงานได้มากน้อยเพียงใด จะขึ้นอยู่กับหน่วยความจำหลักของเครื่องนั้น ๆ ข้อเสียของหน่วยความจำหลักคือ หากปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในหน่วยความจำหลักจะหายไป ในขณะที่ข้อมูลอยู่ที่ หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง จะไม่สูญหายตราบเท่าที่ผู้ใช้ไม่ทำการลบข้อมูลนั้น รวมทั้งหน่วยเก็ยข้อมูลสำรองยังมีความจุที่สูงมาก จึงเหมาะสำหรับการเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ หรือเก็บข้อมูลไว้ใช้ในภายหลัง ข้อเสียของหน่วยเก็บข้อมูลสำรองคือการเรียกใช้ข้อมูลจะช้ากว่าหน่วยความจำหลักมาก
-ซอฟต์แวร์ (Software)
โปรแกรม Microsoft Word
คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ที่ประกอบออกมาจากโรงงานจะยังไม่สามารถทำงานใดๆ เนื่องจากต้องมี ซอฟต์แวร์ (Software) ซึ่งเป็นชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่สั่งให้ฮาร์ดแวร์ทำงานต่าง ๆ ตามต้องการ โดยชุดคำสั่งหรือโปรแกรมนั้นจะเขียนขึ้นมาจาก ภาษาคอมพิวเตอร์ (Programming Language) ภาษาใดภาษาหนึ่ง และมี โปรแกรมเมอร์ (Programmer) หรือนักเขียนโปรแกรมเป็นผู้ใช้ภาษาคอมพิวเตอร์เหล่านั้นเขียนซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ขึ้นมา
" ซอฟต์แวร์ "
สามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ
-ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software )
ซอฟต์แวร์ระบบ โดยส่วนมากแล้วจะติดตั้งมากับเครื่องคอมพิวเตอร์ เนื่องจากซอฟต์แวร์ระบบเป็นส่วนควบคุมการทำงานต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถเริ่มต้นการทำงานอื่น ๆ ที่ผู้ใช้ต้องการต่อไปได้
- ซอฟต์แวร์ประยุกต์ ( Application Software )
จะเป็นซอฟต์แวร์ที่เน้นในการช่วยการทำงานต่าง ๆ ให้กับผู้ใช้ ซึ่งแตกต่างกันไป ตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน
-บุคลากร (Peopleware)
เครื่องคอมพิวเตอร์โดยมากต้องใช้บุคลากรสั่งให้เครื่องทำงาน เรียกบุคลากรเหล่านี้ว่า ผู้ใช้ หรือ ยูเซอร์ (user) แต่ก็มีบางชนิดที่สามารถทำงานได้เองโดยไม่ต้องใช้ผู้ควบคุม อย่างไรก็ตาม คอมพิวเตอร์ก็ยังคงต้องถูกออกแบบหรือดูแลรักษาโดยมนุษย์เสมอ ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ (computer user) แบ่งได้เป็นหลายระดับ เพราะผู้ใช้คอมพิวเตอร์บางส่วนก็ทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่บางส่วนก็พยายามศึกษาโปรแกรมประยุกต์ในขั้นที่สูงขึ้น ทำให้มีความชำนาญในการใช้โปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ นิยมเรียกกลุ่มนี้ว่า เพาเวอร์ยูสเซอร์ (power user) ผู้เชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์ (computer professional) หมายถึงผู้ที่ได้ศึกษาวิชาการทางด้านคอมพิวเตอร์ ทั้งในระดับกลางและระดับสูง ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้จะนำความรู้ที่ได้ศึกษามาประยุกต์และพัฒนาใช้งาน และประสิทธิภาพของระบบคอมพิวเตอร์ให้ทำงานในขั้นสูงขึ้นไปได้อีก นักเขียนโปรแกรม (programmer) ก็ถือว่าเป็นผู้เชียวชาญทางคอมพิวเตอร์เช่นกัน เพราะสามารถสร้างโปรแกรมใหม่ ๆ ได้ และเป็นเส้นทางหนึ่งที่จะนำไปสู่การเป็นผู้เชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์ต่อไปบุคลากรก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบคอมพิวเตอร์ เพราะมีความเกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่การพัฒนาเครื่องคอมพิวเตอร์ ตลอดจนถึงการนำคอมพิวเตอร์มาใช้งานต่าง ๆ ซึ่งสามารถสรุปลักษณะงานได้ดังนี้ การดำเนินงานและเครื่องอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น การบันทึกข้อมูลลงสื่อ หรือส่งข้อมูลเข้าประมวล หรือควบคุมการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ เช่น เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล (Data Entry Operator) เป็นต้น การพัฒนาและบำรุงรักษาโปรแกรม เช่น เจ้าหน้าที่พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ (Application Programmer) เจ้าหน้าที่พัฒนาโปรแกรม (System Programmer) เป็นต้น