วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ลูกสำรอง

ต้นสำรองเป็นพืชท้องถิ่นดั้งเดิมของภาคตะวันออก พบมากในเขตจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด ลูกสำรองถือเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง ถูกนำมาใช้เป็นอาหารตั้งแต่สมัยโบราณ อยู่คู่คนไทยมาช้านานแต่พึ่งเป็นที่รู้จักกันไม่นานมานี้เอง
"น้ำสำรอง" เครื่องดื่มสมุนไพรที่ชูสรรพคุณเรื่องของการกำจัดไขมันออกจากร่างกาย แบบวิธีธรรมชาติ หลายคนกำลังให้ความสนใจของ “ลูกสำรอง” “ลูกจอง” ภาคอีสานเรียก “หมากจอง” ทางใต้เรียก “พุงทะลาย” เป็นไม้ที่พบได้ในป่าดงดิบที่ จ.จันทบุรี ตราด ชาวจีนรู้จักในสรรพคุณแก้ ร้อนใน ท้องเดิน ลดอาการปวด บำรุงไต ล้างไขมันในลำไส้ เคลือบไขมันในลำไส้ ลดความอ้วน ช่วยดูดซับไขมันเอาไว้ แล้วอุ้มไปทิ้งพร้อมการขับถ่าย ดังนั้นคนภาคใต้จึงเรียกว่าพุงทะลายกินเป็นประจำจะช่วยลดพุงได้
มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ : Scaphium Macropodum Beaum. วงศ์ : Sterculiaceae
ชื่อสามัญ : สำรอง ชื่อพื้นเมือง พุงทลาย ภาคอีสานเรียก บักจอง ชาวจีนเรียก ฮวงไต้ไฮ้
ต้นสำรอง เป็นไม้ยืนต้นชอบขึ้นตามป่าดงดิบ มีความชื้นสูง ลำต้นตรงและสูงชะลูด ประมาณ 4-5 เมตร ไม่นิยมปลูกกัน มักขึ้นเองตามธรรมชาติ ตามภูเขาใหญ่น้อยทั่วไป พบมากทางภาคตะวันออกของประเทศ ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี และตราด
ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่แกมขอบขนานหรือรูปไข่แกมใบหอก กว้าง 10-12 ซม. ยาว 15-25 ซม.
ดอกช่อ ออกที่ปลายกิ่ง แยกเพศ กลีบดอกสีเขียวอ่อน มีขนสีแดงที่กลีบเลี้ยงดอก ออกช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม
ผลแห้ง มีลักษณะเป็นแผ่นขนาดใหญ่ แตกขณะยังอ่อนอยู่ ทำให้มีลักษณะเหมือนเรือ เรียกว่า สำเภา ทำให้ผลปลิวไปตกได้ไกล มีเมล็ดรูปรี สีน้ำตาล เปลือกหุ้มเมล็ดชั้นนอกมีสารเมือกจำนวนมาก ซึ่งจะพองตัวในน้ำ มีลักษณะคล้ายวุ้น ผลแก่จะเริ่มร่วงประมาณเดือนมีนาคม-เมษายน ผลของต้นสำรองใช้เป็นสมุนไพรที่เข้าตำรับยาไทย สรรพคุณเป็นยาแก้ร้อนในกระหายน้ำ ทำให้รู้สึกชุ่มชื่น แก้เจ็บคอ แก้ไอ ขับเสมหะ
จุดเด่นของต้นสำรองอยู่ที่ผลซึ่งมีรูปร่างรี เมื่อแก่แล้วผิวจะเหี่ยวย่นกลายเป็นสีน้ำตาลแก่ พอร่วงจากต้นก็จะมีปีกบางๆยื่นออกมา ซึ่งส่วนปีกนั้นเรียกว่า “สำเภา” ทำให้เจ้าลูกสำรองนี้ มีลักษณะละม้ายคล้ายเรือสำเภาที่อาศัยกระแสลมให้พัดพาล่องลอยไปในอากาศ หากนึกไม่ออกลองนึกถึงลูกของต้นยางนา ที่มีปีกคล้ายกับคอปเตอร์ไม้ไผ่ของเจ้าแมวโดราเอมอน
ซึ่งจุดประสงค์หลักของธรรมชาติก็เพื่อเพิ่มระยะทางและโอกาสในการขยายพันธุ์บนพื้นที่ต่างๆ นั่นเอง นอกจากนี้คนโบราณยังบอกกับเราว่า การร่วงหล่นของลูกสำรองนี้สามารถสื่อความหมายของธรรมชาติได้ว่า ฤดูฝนกำลังจะคืบคลานเข้ามาทักทาย ซึ่งโดยปกติเราจะพบลูกสำรองร่วงลงสู่พื้นดินแค่เพียงปีละครั้ง ย้ำว่าแค่เพียงปีละครั้งเท่านั้น ประมาณเดือนเมษายน และไม่ได้พบทุกปี ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของต้นสำรองนั้น ๆ ตามธรรมชาติต้นสำรองจะมีลูกไว้ขยายพันธุ์ ก็ต่อเมื่อมีอายุอานาม 10 ปีขึ้นไป
สรรพคุณ ลูกสำรองมีสรรพคุณ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ บำรุงปอดให้แข็งแรง รักษาโรคภูมิแพ้ หอบหืด แก้เสมหะทำให้ไม่อ่อนเพลีย ช่วยบำรุงลำไส้ใหญ่ให้บริหารถ่ายเทได้ดี ช่วยให้ลำไส้บีบรัดตัวดีขึ้น ทำให้ขับถ่ายดี แก้โรคตาแดงอักเสบ ในประเทศอินเดียมีรายงานว่า สำรองสามารถใช้รักษาอาการอักเสบ แก้ไข้และขับเสมหะ ในประเทศจีน ฮ่องกง และไต้หวัน นิยมใช้สำรองร่วมกับชะเอม ชาวจีนต้มกับน้ำ แล้วนำมาจิบบ่อย ๆ เพื่อแก้อาการเจ็บคอ ปัจจุบันมีผู้นำสำรองไปรับประทานเพื่อลดความอ้วนเนื่องจากสำรองสามารถพองตัวได้ดี นอกจากนี้การศึกษาทางการแพทย์ยังทำให้ทราบว่าในลูกสำรอง ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย
เมื่อมีประโยชน์มากมายขนาดนี้ทำให้ช่วงหนึ่งต้นสำรองเข้าขั้นวิกฤติ เพราะมีคนโลภมากแอบลักลอบเข้ามาเก็บลูกสำรองในเขตอุทยาน แต่การปลิวของเจ้าลูกสำรองทำให้ไปตกกระจัดกระจายในที่ต่าง ๆ ใกล้บ้าง ไกลบ้าง ทำเอาคนโลภมากรู้สึกหงุดหงิด ขี้เกียจตามเก็บ ความคิดสั้น ๆ และไม่ถูกต้องจึงผุดขึ้นในจิตใจ ทำนองว่ามันไม่ทันใจ ก็เลย “โค่น” ทั้งต้น ซึ่งต้นดังกล่าวล้วนผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบ ๆ ปี เพียงเพื่อที่จะเอาลูก โดยไม่คิดถึงผลเสียที่จะติดตามมา ทำให้เมื่อ 4-5 ปีที่แล้วต้นสำรองหายหน้าหายตาไปอย่างรวดเร็ว
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำเอาเจ้าหน้าที่ นิ่งดูดายไม่ได้ ต้องคอยตรวจตราคุ้มกัน เจ้าต้นสำรองเป็นพิเศษ ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมรณรงค์เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญ โดยใช้เด็กๆ ละแวกนั้นเป็นตัวกลาง ไปถ่ายทอดให้ผู้ใหญ่ได้ฟังและได้เล็งเห็นความสำคัญกับความจำเป็นในการดูแลรักษาต้นสำรองไว้เพื่อประโยชน์คุณค่ามหาศาลของมันต่อไป ผู้ใหญ่เหล่านี้ก็คือ พ่อแม่ พี่ ป้า น้า อาของพวกเด็กๆนั่นเอง
น่าดีใจที่ปัจจุบัน สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตจันทบุรี สามารถคิดค้นและเริ่มขยายพันธุ์ต้นสำรองได้แล้ว โดยใช้วิธีเสียบยอด เพื่อให้ชาวบ้านที่ต้องการทำน้ำสำรองบรรจุกระป๋องเพื่อสุขภาพขาย นำไปปลูก เป็นการตัดปัญหาการลักลอบเก็บลูกสำรอง และโค่นต้นสำรองในเขตอุทยาน ซึ่งทำให้ความหวังที่ยังจะเห็นต้นสำรองในธรรมชาติยังคงยืดเวลาออกไป

วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ประเภทของจอภาพ












ประเภทของจอภาพ
จอภาพแบบ CRT (Cathode Ray Tube)


เป็นจอภาพที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ มีหลักการทำงานแบบเดียวกับจอโทรทัศน์ ทำงานโดยใช้กระแสไฟฟ้าแรงสูง (high voltage) คอยกระตุ้นให้อิเล็กตรอนภายในหลอดภาพแตกตัวอิเล็กตรอนดังกล่าวจะทำให้เกิดลำแสงอิเล็กตรอนไปกระตุ้นผลึกฟอสฟอรัสที่ฉาบอยู่บนหลอดภาพ เมื่อฟอสฟอรัสถูกกระตุ้นจากอิเล็กตรอนจะเกิดการเรืองแสงและปรากฏเป็นจุดสีต่างๆ (RGB Color) ซึ่งรวมเป็นภาพบนจอภาพนั่นเอง

จอภาพแบบแบน LCD (Liquid Crystal Display) จอภาพผลึกเหลวใช้งานกับคอมพิวเตอร์ประเภทพกพาเป็นส่วนใหญ่ มีสองประเภท ได้แก่

Active matrixจอภาพสีสดใสมองเห็นจากหลายมุม เนื่องจากให้ความสว่าง และสีสันในอัตราที่สูง มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า TFT – Thin Film Transistor และเนื่องจากคุณสมบัติดังกล่าว ทำให้ราคาของจอประเภทนี้สูงด้วย Passive matrixจอภาพสีค่อนข้างแห้ง เนื่องจากมีความสว่างน้อย และสีสันไม่มากนัก ทำให้ไม่สามารถมองจากมุมมองอื่นได้ นอกจากมองจากมุมตรง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า DSTN (Double Super Twisted Nematic)จอ LCD เป็นเทคโนโลยีที่เริ่มพัฒนาประมาณสิบกว่าปีนี้เอง เริ่มจากการพัฒนามาใช้กับนาฬิกาและเครื่องคิดเลข เป็นจอแสดงผลตัวเลขขนาดเล็ก ใช้หลักการปรับเปลี่ยนโมเลกุลของผลึกเหลว เพื่อปิดกั้นแสงเมื่อมีสนามไฟฟ้าเหนี่ยวนำ LCD จึงใช้กำลังไฟฟ้าต่ำ มีการสร้างทรานซิสเตอร์เป็นล้านตัวเพื่อควบคุมจุดสีบนแผ่นฟิล์มบาง ๆ ให้จุดสีเป็นตารางสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ การแสดงผลจึงเป็นการแสดงจุดสีเล็ก ๆ ที่ผสมกันเป็นสีต่าง ๆ ได้มากมาย การวางตัวของจุดสีดำเล็ก ๆ เรียกว่าแมทริกซ์ (matrix) จอภาพ LCD จึงเป็นจอแสดงผลแบบตารางสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่มีจุดสีจำนวนมาก


จอภาพระบบสัมผัส (Touch-Screen)


เป็นจอภาพที่มีประสาทสัมผัส เป็นอุปกรณ์ที่นำข้อมูลเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์โดยการสัมผัส เป็นจอภาพแบบพิเศษ สามารถรับรู้ทันทีเมื่อมีการสัมผัสกับจอภาพ ใช้งานได้ง่ายสำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์เลย ผู้ใช้เพียงแตะปลายนิ้วลง
บนจอภาพในตำแหน่งที่ต้องการ เพื่อเลือกการทำงาน ซอฟต์แวร์ที่ใช้จะเป็นตัวค้นหาว่าผู้ใช้เลือกทางเลือกใด และทำให้ตามนั้น หลักการนี้นิยมใช้กับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยให้ผู้ที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ไม่คล่องนักสามารถเลือกข้อมูลที่ต้องการได้อย่างสะดวกรวดเร็ว จะพบการใช้งานมากในร้านอาหารแบบเร่งด่วน หรือใช้แสดงข้อมูลการท่องเที่ยว เป็นต้น

สิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับจอภาพ
Dot Pitchคือความห่างระหว่างจุดของฟอสฟอรัสซึ่งฉาบอยู่บนหลอดภาพ ถ้าจุดแต่ละจุดห่างกันน้อยจะทำให้ภาพละเอียดมาก ขนาดระหว่างจุดของฟอสฟอรัสมีหน่วยเป็นมิลลิเมตร และมีหลายขนาด เช่น 0.25, 0.26, 0.28 เป็นต้น ตัวเลขดังกล่าวนี้ยิ่งน้อยยิ่งดี เพราะแสดงว่าความห่างระหว่างผลึกฟอสฟอรัสยิ่งน้อยจะยิ่งแสดงภาพได้ละเอียดมากขึ้น
Interlaced & Non-interlaced
Interlaced
คือการแสดงภาพแบบสลับเส้น ตัวอย่างเช่นในโทรทัศน์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันจะใช้การแสดงภาพแบบ 625 เส้น และสลับกันสแกน ภาพจากหน้าจอที่เห็นจะเกิดจากการสแกนให้เกิดภาพ 2 รอบ โดยที่รอบแรกจะสแกนเส้นคู่ คือ 2,4, 6... จนครบ 624 รอบที่สองจะสแกน เส้นคี่คือ 1,3,5... .จนครบ 625 จอภาพคอมพิวเตอร์ในระยะแรกจะเป็นแบบ interlaced
Non-interlaced
คือการสแกนภาพแบบต่อเนื่อง เรียงจากเส้นที่ 1 จนจบจอภาพ ในปัจจุบันจอภาพคอมพิวเตอร์จะเป็นแบบnon-interlaced ซึ่งทำให้การต่อของจุดจะต่อเนื่องและลดการสั่นไหวของภาพทำให้ดูสบายตากว่า

Low-radiationคือจอภาพที่มีการกระจายรังสีต่ำ ตามมาตรฐาน MPR-II ของ SSI (Swedish National Institute of Radiation Protection) ซึ่งจะช่วยถนอมสายตาจากการทำงานบนคอมพิวเตอร์นาน ๆ การทดสอบว่าจอภาพมีการกระจายรังสีต่ำหรือไม่นั้นทดสอบได้โดยเปิดสวิตช์จอภาพแล้วลองเอามือหรือช่วงแขนไว้ใกล้จอภาพให้มากที่สุด ถ้ารู้สึกถึงไฟฟ้าสถิตย์ แสดงว่าเป็นจอภาพแบบธรรมดาไม่ใช่แบบ low-radiation
Resolution คือความละเอียดของการแสดงภาพหรือการสแกนภาพออกมาได้ความละเอียดมากเท่าไร ความสามารถในการแสดงภาพได้ละเอียดมากขนาดไหนนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของจอภาพ จอ VGA จะแสดงภาพได้ละเอียดน้อยกว่าจอ SVGA ยิ่งกำหนดความละเอียดในการแสดงสีมากเท่าไร ภาพจะละเอียดมากขึ้น แต่ตัวอักษรบนจอภาพจะเล็กลง โดยจะบอกเป็นค่าสองค่า อย่างเช่น 1024 x 768 ซึ่งเมื่อคำนวณออกมาแล้วก็ คือจำนวนจุดที่จอภาพสามารถผลิตออกมาได้ ในกรณีนี้ เลขตัวแรกคือ Vertical คือจำนวนเส้นในแนวตั้งเท่ากับ 1024 เส้น เลขตัวต่อมาคือ Horizontal คือจำนวนเส้นในแนวนอนเท่ากับ 768 เส้น เมื่อเอาตัวเลข 2 ตัว มาคูณกัน ผลลัพธ์คือจำนวนจุดบนจอภาพซึ่งคือ ความละเอียด (resolution) ดังภาพ


จอภาพขนาด 14-15 นิ้ว ควรกำหนด resolution ที่ 800 x 600ผู้ใช้สามารถที่จะกำหนดความละเอียดของการแสดงภาพได้โดยคลิกขวาที่ Desk Top เลือก Properties > Settings
ความละเอียดของสีที่สามารถแสดงบนจอภาพจำนวนสีที่แสดงได้นั้นเป็นตัวกำหนดว่าภาพบนจอจะมีสีสรรสมจริงเพียงใดจะมีการแสดงดังนี้
VGA คือ 256 สี SVGA คือ 16.7 ล้านสี XGA คือ 16.7 ล้านสี UXGA คือ 16.7 ล้านสี

เคล็ดลับการใช้จอภาพคอมพิวเตอร์เพื่อการประหยัดพลังงานไฟฟ้า
1. ไม่เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้นานๆ เพราะทำให้สิ้นเปลืองค่าไฟฟ้า
2. ถอดปลั๊กเมื่อเลิกใช้งาน
3. ปิดจอภาพเมื่อไม่ใช้งานนานกว่า 15 นาที
4. ตั้งคอมพิวเตอร์ในบริเวณที่มีการระบายความร้อนได้ดี
5. ควรตั้งระบบ Screen Saver เพื่อรักษาคุณภาพของหน้าจอตรวจสอบดูว่าระบบประหยัดพลังงานไฟฟ้าในเครื่องถูกสั่งให้ทำงานแล้วหรือไม่
6. เลือกใช้คอมพิวเตอร์ที่มีระบบประหยัดพลังงาน โดยสังเกตจากสัญลักษณ์ Energy Star เพราะระบบนี้จะใช้กำลังไฟลดลงร้อยละ 55 ในขณะที่รอทำงาน
7. ควรซื้อจอภาพที่ขนาดไม่ใหญ่เกินไป เช่น จอภาพขนาด 14 นิ้ว จะใช้พลังงานน้อยกว่าจอภาพขนาด 17 นิ้ว ถึงร้อยละ 25
8. คอมพิวเตอร์ชนิดกระเป๋าหิ้วประหยัดพื้นที่ และประหยัดไฟฟ้าได้มากกว่าแบบตั้งโต๊ะ

ตัวเลขน่าคิดเพื่อการประหยัดพลังงาน
ถ้าเปิดชุดคอมพิวเตอร์จอภาพ 15 นิ้ว ทิ้งไว้วันละ 3 ชั่วโมง จะใช้ไฟ 8.4 หน่วยต่อเดือน ค่าไฟเดือนละประมาณ 21 บาท ถ้าเปิดทิ้งไว้เช่นนี้ 1 ล้านเครื่อง จะสิ้นเปลืองค่าไฟเดือนละ 21 ล้านบาท หรือ 252 ล้านบาทต่อปี คอมพิวเตอร์ขนาดจอ 17 นิ้ว 120 วัตต์ ใช้งาน 20 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์จะใช้ไฟ 9.6 หน่วยต่อเดือน ค่าไฟประมาณเดือนละ 24 บาท